วันศุกร์ที่ 18 ธันวาคม พ.ศ. 2552

News!!!!

Nowaday I have my forum that really about sports. You can share any idea about sport there. Moreover, we can have disscussion on our topic more easily. Anyway, you can post on my forum in any topic. Even asking somehelps, you are absolutely to be able to post to my forum. I will help you as much as I can. That 's all my good news. Here this the link for my forum. http://siripamunich.ipbfree.com

วันพฤหัสบดีที่ 19 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

ฮ้อกกี้





ฮอกกี้ (อังกฤษ: Hockey) เป็นกีฬาแข่งขันกันระหว่าง 2 ทีม มีผู้เล่นฝ่ายละ 11 คน โดยการตีลูกบอล ที่มีลักษณะกลม แข็ง ที่เรียกว่า ลูกพัค (puck) ให้เข้าโกลด์ตะข่ายของฝั่งตรงกันข้าม โดยจะให้ลูกบอลถูกส่วนหนึ่งส่วนใดของร่างกายไม่ได้ เว้นผู้รักษาประตูที่มีสิทธิใช้เท้าเตะและมือปัดลูกบอลได้แต่ก็เฉพาะในเขตที่ยิงประตูเท่านั้น การยิงประตูที่ถือว่าได้ประตูต้องเป็นการยิงจากภายในเขตประตู คือภายในเขต 16 หลา โดยมีเส้นโค้งเป็นเครื่องหมาย เรียกกันเป็นที่เข้าใจว่าหัวกะโหลก คือจะต้องพาลูกเข้าไปยิงประตูภายในหัวกะโหลกนั้น
ประวัติ
ฮอกกี้เป็นกีฬาเก่าแก่ที่มีประวัติความเป็นมายาวนาน แต่ไม่ปรากฏหลักฐานที่แน่ชัดว่ากีฬาประเภทนี้เริ่มมาจากประเทศใดก่อน มีหลักฐานภาพวาดอียิปต์โบราณเก่าแก่ 4000 ปีที่มีลักษณะคล้ายกีฬาฮอกกี้ และอีกหลักฐานประมาณ 44 ปี ก่อนคริสต์ศักราช พบหลักฐานโดยชาวกรีกโรมัน สมัยโบราณได้เล่นกีฬานี้กันอยู่แล้ว อุปกรณ์การเล่นและวิธีเล่นคล้ายคลึงกับการเล่นฮอกกี้ในสมัยปัจจุบัน แต่แตกต่างกันที่ไม้ตีฮอกกี้สมัยกรีกและโรมันจะสั้นกว่าในปัจจุบัน ลูกบอลสมัยนั้นทำด้วยหนัง ภายในอัดด้วยขนสัตว์
ต่อมากีฬาฮอกกี้ได้แพร่หลายเข้าไปในประเทศอังกฤษ ช่วงแรกได้เข้าสู่โรงเรียนประถม และเริ่มมีการเปิดคลับแรกในปี พ.ศ. 2392 ที่ Blackheath ใน south-east ลอนดอน และมีประชาชนสนใจอย่างจริงจังในศตวรรษที่ 19
การเล่นฮอกกี้สมัยปัจจุบันมีอยู่ 2 ชนิดคือ ฮอกกี้ที่เล่นกันบนสนามหญ้าและฮอกกี้ที่เล่นกันบนลานน้ำแข็ง (Indoor Hockey หรือ Shake Hockey หรือ Ice Hockey) ต่อมาในประเทศอังกฤษ ประมาณปี พ.ศ. 2428 ได้จัดให้มีการแข่งขันประเภทหญิงขึ้นระหว่างมหาวิทยาลัยอ๊อกซ์ฟอร์ดกับเคมบริดจ์ ในปี พ.ศ. 2444 กีฬาฮอกกี้ได้แพร่เข้าไปในประเทศสหรัฐอเมริกา โดยสุภาพสตรีชาวอังกฤษชื่อ Constance Applebee โดยได้ให้คำแนะนำในการเล่นระหว่างปิดภาคฤดูร้อนที่มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด และหลังจากนั้นมาฮอกกี้จึงเป็นที่นิยมในหมู่สุภาพสตรีเป็นอย่างมาก
ต่อมาในปี พ.ศ. 2465 ประเทศสหรัฐอเมริกาได้ก่อตั้งสมาคมขึ้นโดยใช้ชื่อว่าสมาคมฮอกกี้แห่งสหรัฐอเมริกา และได้มีการปรับปรุงพัฒนาให้เจริญก้าวหน้าขึ้นจนถึงระดับชาติ ในช่วงแรกได้รับความนิยมเล่นเฉพาะในหมู่สตรีเท่านั้น ต่อมาเมื่อกีฬาประเภทนี้ได้บรรจุไว้ในการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกซึ่งมีการแข่งขันเฉพาะชายเท่านั้น
ในสหรัฐอเมริกามีการก่อตั้งสมาพันธ์กีฬาฮอกกี้หญิงระหว่างประเทศขึ้นในปี พ.ศ. 2475 และได้จัดให้มีการแข่งขันทุกๆ 3 ปี โดยสหรัฐอเมริกาได้ส่งทีมเข้าร่วมการแข่งขันตั้งแต่ปี พ.ศ. 2476 เป็นต้นมา และสหรัฐอเมริกาได้จัดตั้งสมาคมฮอกกี้ชายขึ้นในเวลาต่อมา

วันพุธที่ 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

แชร์บอลลลล!!!!!!!






กีฬานี้ ข้าพเจ้ามั่นใจในฝีมือตัวเองมากกก 555+ วันนี้เพิ่งไปคัดตัวมา แต่ก็ยังไม่ได้คำตอบ ว่าได้เป็นตัวจริงหรือ ตัวสำรอง - -*

แต่อยากเล่นโว้ยยย ถ้าไม่ให้ข้าพเจ้าเล่น แล้วจะเสียใจ หึหึๆ เล่นมาตั้งแต่ป.2 คิดดูละกัน เซียนขนาดไหน ฮ่าๆๆ
-->
กติกาแชร์บอลข้อ 1 สนามแข่งขัน เป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้ากว้าง 16 เมตร(เส้นหลัง) ยาว 32 เมตร(เส้นข้าง) สนามแบ่งออกสองส่วนเท่าๆ กันด้วยเส้นแบ่งแดน
ข้อ 2 อุปกรณ์ เก้าอี้ 4 ขา ไม่มีพนักพิง สูง 35-40 ซ.ม. ที่นั่งกว้าง 30-35 ซ.ม. เป็นชนิดเดียวกันทั้ง 2 ตัว วางไว้จุดกึ่งกลางของเส้นหลัง ตะกร้าสูง 30-35 ซ.ม. ปากตะกร้าเป็นรูปทรงกลม เส้นผ่าศูนย์กลาง 30-35 ซ.ม. ลูกบอลใช้ลูกแชร์บอลหรือลูกฟุตบอลขนาดเบอร์ 4-5
ข้อ 3 การแข่งขันแบ่งออกเป็น 2 ครึ่ง ครึ่งละ 20 นาที เวลาการแข่งขันเริ่มเมื่อผู้ตัดสินโยนลูกบอลขึ้นระหว่างผู้เล่นสองคนของแต่ละฝ่ายที่อยู่ในวงกลม และลูกบอลได้ถูกผู้เล่นฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งแล้ว
ข้อ 4 ชุดหนึ่งประกอบด้วยผู้เล่น 12 คน เป็นผู้เล่นในสนาม 7 คน สำรอง 5 คน
ข้อ 5 ผู้ป้องกันตะกร้าเพียงคนเดียวเท่านั้นที่มีสิทธิ์เข้าไปในเขตป้องกันตะกร้าได้
ข้อ 6 ผู้ถือตะกร้า ขณะรับลูกบอลต้องอยู่บนเก้าอี้พร้อมกับตะกร้า สามารถเคลื่อนไหวตะกร้าได้ทุกลักษณะ
ข้อ 7 เขตป้องกันตะกร้าเป็นพื้นที่ของผู้ป้องกันตะกร้าเพียงคนเดียวเท่านั้น
ข้อ 8 การเล่นลูกบอล อนุญาตให้ผู้เล่นกระทำ หยุด จับ ตี ปัด กลิ้ง ส่ง หรือขว้างลูกบอลด้วยมือ แขน ศีรษะ และลำตัวเหนือเอวขึ้นไปได้ ครอบครองลูกบอลด้วยมือเดียว หรือกดลูกบอลที่อยู่บนพื้นสนาม หรือโยนลูกบอลขึ้นในอากาศได้ไม่เกิน 3 วินาที
ข้อ 9 จะนับได้คะแนนเมื่อลูกบอลลงตะกร้าจากการยิงประตูโดยตรง
ข้อ 10 การเริ่มเล่นด้วยลูกกระโดด ผู้ตัดสินเป็นผู้โยนลูกกระโดดที่วงกลมกลางสนามระหว่างผู้กระโดดทั้งสองฝ่าย
ข้อ 11 การส่งลูกบอลเข้าเล่นจากเส้นหลัง จะส่งลูกบอลเข้าเล่นเมื่อลูกบอลทั้งลูกได้ผ่านเส้นข้างหรือเส้นหลังและถูกพื้นที่นอกสนามแข่งขัน ให้ผู้เล่นฝ่ายตรงข้ามส่งลูกบอลเข้าเล่นจากมุมสนามด้านที่ลูกบอลออก
ข้อ 12 ให้ยิงโทษเมื่อทำผิดกติกา และฟาวล์โดยเจตนา
ข้อ 13 จะเปลี่ยนตัวผู้เล่นได้เมื่อลูกตายและฝ่ายที่ขอเปลี่ยนตัวเป็นผู้ครอบครองลูกบอลอยู่ หรือเมื่อมีการยิงโทษ
ข้อ 15 การแข่งขันครั้งหนึ่งประกอบด้วยผู้ตัดสิน 2 คน ควบคุมการแข่งขันตั้งแต่เริ่มเล่นจนถึงสิ้นสุดการแข่งขัน
ข้อ 16 เจ้าหน้าที่ เจ้าหน้าที่ประกอบด้วยผู้บันทึก 1 คน ผู้จับเวลา 1 คน ผู้ใส่ป้ายคะแนน 1 คน



วันอังคารที่ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

แบดมินตันนน!!!!!!!










จะบอกว่า กีฬานี้เล่นมาตั้งแต่เด็กๆยันโตเท่าควาย ตอนป.5 ป.6 เล่นทุกเย็น ไม่ได้โม้นะ จะบอกว่าเล่นเก่งมาก 5555+
แต่ตอนนี้เล่นห่วยแตกไปเยอะ หายไปนาน ไม่ได้จับเป็นปี






การเล่น
กติกาเบื้องต้น
การออกนอกเส้น มีการกำหนดเส้นออกแต่งต่างกันในกรณีเล่นเดี่ยวและเล่นคู่
การเสิร์ฟลูก ตามกติกา ที่ถูกต้อง คือ
หัวไม้ขณะสัมผัสลูกต้องต่ำกว่าข้อมืออย่างเห็นได้ชัด
หัวไม้ขณะสัมผัสลูกต้องต่ำกว่าเอวอย่างเห็นได้ชัด
ผู้เล่นต้องไม่ถ่วงเวลา หรือเสริฟช้า หรือเสริฟ 2 จังหวะ การเสริฟ ต้องเสริฟไปด้วยจังหวะเดียว
ขณะเสิร์ฟ ส่วนใดส่วนหนึ่งของเท้าทั้ง 2 ข้างต้องสัมผัสพื้นตลอดเวลา
การเสิร์ฟลูกที่ถูกต้อง ต้องให้แร็กเก็ตสัมผัสกับหัวลูกก่อน หากโดนขนก่อนถือว่าผิดกติกา
ขณะตีลูกโต้กัน ห้ามนำส่วนหนึ่งส่วนใดของร่างกายหรือไม้แบดไปสัมผัสกับเน็ท
ห้ามตีลูกที่ฝั่งตรงข้ามโต้กลับมาในขณะที่ลูกยังไม่ข้ามเน็ทมายังแดนเรา(Over net)
การดิวส์
หากผู้เล่นทั้งสองฝ่ายทำคะแนนได้เท่ากันในคะแนนที่ 20 จะมีการเล่นต่อ จนกว่าว่าจะมีคะแนนมากกว่าฝ่ายตรงข้าม 2 คะแนน แต่ถ้ายังไม่สามารถทำคะแนนห่างกัน 2 แต้มได้ จะเล่นต่อไปเรื่อยๆ แต่ เมื่อแต้มได้ 29 เท่ากัน ใครที่ทำได้แต้ม 30 ก่อนจะเป็นฝ่ายชนะ

วันจันทร์ที่ 16 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

กีฬาโปรดเลย!!!!





เพิ่งมาหัดเล่นตอนนี้แหละ ตอนเด็กๆ เคยเล่นแต่แชร์บอล ยังเล่นไม่ค่อยเก่งหรอก อยากฝึกให้เก่ง แต่บ่มีแนวร่วม -.-
เมื่อเช้า ไม่มีไรทำ ได้ข่าวว่าแอบไปเล่นบาสคนเดียวแต่เช้า ในโรงยิม บรรยากาศอย่างหาวอ่ะ มีข้าพเจ้าคนเดียวในที่แห่งนั้น ฝึกlay up อยู่ผู้เดียว-.- สนุกดีฮ่าๆ
เหงื่อแตกแต่เช้า


บาสเกตบอล (อังกฤษ: basketball) เป็นกีฬาชนิดหนึ่งซึ่งแบ่งผู้เล่นเป็น 2 ทีม แต่ละทีมประกอบด้วยผู้เล่น 5 คนพยายามทำคะแนนโดยการโยนลูกเข้าห่วงหรือตะกร้า (basket) ภายใต้กติกาการเล่นมาตรฐาน
ตั้งแต่ที่คิดค้นขึ้นในปี พ.ศ. 2434 (ค.ศ. 1891) โดยเจมส์ ไนสมิท[1] บาสเกตบอลได้ถูกพัฒนาขึ้นเป็นกีฬาสากล กีฬานี้มีจุดเริ่มต้นจากในวายเอ็มซีเอ[1][2] ลีกที่เกิดขึ้นในสมัยแรก ๆ เป็นระดับมหาวิทยาลัย ต่อมากลายเป็นกีฬาอาชีพ[ต้องการแหล่งอ้างอิง] มีการจัดตั้งลีกเอ็นบีเอ (National Basketball Association, NBA) และเริ่มมีการแข่งขันในกีฬาโอลิมปิกเมื่อ พ.ศ. 2479 (ค.ศ. 1936)[1] ถึงแม้ว่าในระยะแรกยังเป็นกีฬาที่เล่นเฉพาะในสหรัฐอเมริกา กีฬาชนิดนี้แพร่ขยายไปสู่ระดับสากลด้วยความรวดเร็ว ปัจจุบันมีนักกีฬาและทีมที่มีชื่อเสียงตามที่ต่าง ๆ ทั่วโลก
บาสเกตบอลเป็นกีฬาที่เล่นในร่มเป็นหลัก สนามที่ใช้เล่นมีขนาดค่อนข้างเล็ก คะแนนจะได้จากการโยนลูกเข้าห่วงจากด้านบน (เรียกว่า ชู้ต, shoot) ทีมที่มีคะแนนมากกว่าในตอนจบเกมจะเป็นฝ่ายชนะ สามารถนำพาลูกโดยการกระเด้งกับพื้น (เลี้ยงลูก, dribble) หรือส่งลูกกันระหว่างเพื่อนร่วมทีม เกมจะห้ามการกระทบกระแทกที่ทำให้เป็นฝ่ายได้เปรียบ (ฟาล์ว, foul) และมีกฎข้อบังคับเกี่ยวกับการครองบอล
เกมบาสเกตบอลมีการพัฒนาเทคนิคการเล่นต่าง ๆ เช่น การชู้ต การส่ง และ การเลี้ยงลูก รวมไปถึงตำแหน่งผู้เล่น (ซึ่งตามกฎแล้วไม่จำเป็นต้องมี) และตำแหน่งการยืนในเกมรุกและเกมรับ ผู้เล่นที่ตัวสูงถือเป็นข้อได้เปรียบ ถึงแม้ว่าในการเล่นแข่งขันจะควบคุมโดยกฎกติกา การเล่นรูปแบบอื่น ๆ สำหรับเล่นผ่อนคลายก็มีการคิดขึ้น บาสเกตบอลยังเป็นกีฬาที่คนนิยมดูอีกด้วย[3]

กฎและกติกา
กฎเกี่ยวกับขนาดและเวลาที่ใช้แข่ง อาจแตกต่างกันขึ้นกับทัวร์นาเมนต์หรือองค์กรที่จัดการแข่งขัน รายละเอียดในส่วนนี้จะใช้ของสากลและเอ็นบีเอเป็นหลัก
จุดมุ่งหมายของเกมคือ การทำคะแนนให้ได้มากกว่าคู่แข่งโดยการโยนลูกเข้าห่วงของคู่ต่อสู้จากด้านบน ในขณะที่ป้องกันไม่ให้คู่ต่อสู่โยนลูกลงห่วงของฝ่ายตน การโยนลูกในลักษณะนี้เรียกว่าการชู้ต (หรือช็อต shot) การชู้ตที่เข้าห่วงจะได้สองคะแนน แต่ถ้าผู้ชู้ตอยู่เลยเส้นสามคะแนนออกไปในขณะชู้ตลูกก็จะได้สามคะแนน เส้นสามคะแนนจะอยู่ห่างจากห่วงเป็นระยะ 6.25 เมตร (20 ฟุต 5 นิ้ว) ในกติกาสากล และ 23 ฟุต 9 นิ้ว (7.24 เมตร) ในกติกาเอ็นบีเอ การชู้ตลูกโทษหรือที่เรียกว่า ฟรีโทรว์ (free throw) เมื่อฟาล์วมีค่าหนึ่งคะแนน
กติกาการเล่น
เกมจะแบ่งการเล่นเป็น 4 ควาเตอร์ (quarter) แต่ละควาเตอร์มี 10 นาที (สากล) หรือ 12 นาที (เอ็นบีเอ) ช่วงพักครึ่งนาน 15 นาที ส่วนพักอื่นๆ ยาว 2 นาที ช่วงต่อเวลา (overtime) ยาว 5 นาที ทีมจะสลับด้านสนามเมื่อเริ่มครึ่งหลัง เวลาจะเดินเฉพาะระหว่างที่เล่น และนาฬิกาจะหยุดเดินเมื่อเกมหยุด เช่น เมื่อเกิดการฟาล์ว หรือระหว่างการชู้ตลูกโทษ เป็นต้น ดังนั้นเวลาทั้งหมดที่ใช้แข่งมักยาวกว่านี้มาก (ประมาณสองชั่วโมง)
ในขณะใดขณะหนึ่งจะมีผู้เล่นในสนามฝ่ายละห้าคน และจะมีผู้เล่นสำรองสูงสุดทีมละเจ็ดคน สามารถเปลี่ยนตัวได้ไม่จำกัดและเปลี่ยนได้เฉพาะเมื่อเกมหยุด ทีมยังมีโค้ชที่ดูแลทีมและวางกลยุทธ์ในการเล่น รวมถึงผู้ช่วยโค้ช ผู้จัดการทีม นักสถิติ แพทย์ และเทรนเนอร์
เครื่องแบบนักกีฬาสำหรับทีมชายและหญิงตามมาตรฐานได้แก่ กางเกงขาสั้นและเสื้อกล้ามที่มีหมายเลขผู้เล่นชัดเจนพิมพ์ทั้งด้านหน้าและด้านหลัง รองเท้าเป็นรองเท้ากีฬาหุ้มข้อเท้า อาจมีชื่อทีม ชื่อนักกีฬา และสปอนเซอร์ ปรากฏบนชุดด้วยก็ได้
แต่ละทีมจะได้เวลานอกจำนวนหนึ่งสำหรับให้โค้ชและผู้เล่นปรึกษากัน มักยาวไม่เกินหนึ่งนาที ยกเว้นเมื่อต้องการโฆษณาระหว่างการถ่ายทอดสด
เกมควบคุมโดยกรรมการและหัวหน้ากรรมการผู้ตัดสินในสนาม และกรรมการโต๊ะ กรรมการโต๊ะมีหน้าที่บันทึกคะแนน ควบคุมเวลา บันทึกจำนวนฟาล์วผู้เล่นและฟาล์วทีม ดูเรื่องการเปลี่ยนตัว โพเซสซันแอร์โรว์ และช็อตคล็อก

อุปกรณ์ที่จำเป็นจริง ๆ ในกีฬาบาสเกตบอลมีเพียงลูกบอลและสนามที่มีห่วงติดอยู่ที่ปลายทั้งสองด้าน การเล่นในระดับแข่งขันต้องใช้อุปกรณ์อื่น เช่น นาฬิกา กระดาษบันทึกคะแนน สกอร์บอร์ด โพเซสซันแอร์โรว์ ระบบหยุดนาฬิกาด้วยนกหวีด เป็นต้น
ลูกบาสเกตบอลชายมีเส้นรอบวงประมาณ 30 นิ้ว (76 เซนติเมตร) และหนักประมาณ 1 ปอนด์ 5 ออนส์ (600 กรัม) ลูกบาสเกตบอลหญิงมีเส้นรอบวงประมาณ 29 นิ้ว (73 ซม.) และหนักประมาณ 1 ปอนด์ 3 ออนส์ (540 กรัม) สนามบาสเกตบอลมาตรฐานในเกมสากลมีขนาด 28 คูณ 15 เมตร (ประมาณ 92 คูณ 49 ฟุต) ส่วนในเอ็นบีเอมีขนาด 94 คูณ 50 ฟุต (29 คูณ 15 เมตร) พื้นสนามส่วนใหญ่ทำด้วยไม้
ห่วงที่ทำจากเหล็กหล่อ พร้อมทั้งเน็ต และแป้น ติดอยู่ที่ปลายทั้งสองด้านของสนาม ในการแข่งขันเกือนทุกระดับ ขอบห่วงด้านบนอยู่สูงจากพื้น 10 ฟุต (3.05 เมตร) พอดีและถัดเข้ามาจากเส้นหลัง 4 ฟุต (1.2 เมตร) ถึงแม้ว่าขนาดของสนามและแป้นอาจแตกต่างกันออกไป แต่ความสูงของห่วงถือว่าสำคัญมาก ถึงตำแหน่งจะคลาดเคลื่อนไปไม่เพียงกี่นิ้วก็มีผลต่อการชู้ตอย่างมาก
ข้อบังคับ
ลูกสามารถเคลื่อนที่ไปข้างหน้าเข้าหาห่วงโดยการชู้ต การส่งระหว่างผู้เล่น การขว้าง การเคาะลูก การกลิ้งลูก หรือ การเลี้ยงลูก (โดยการให้ลูกกระเด้งกับพื้นขณะวิ่ง ภาษาอังกฤษเรียก ดริบบลิง, dribbling)
ลูกจะต้องอยู่ในสนาม ทีมสุดท้ายที่สัมผัสลูกก่อนที่ลูกจะออกนอกสนามจะสูญเสียการครองบอล ผู้เล่นห้ามขยับขาทั้งสองพร้อมกันในขณะเลี้ยงลูก (เรียกว่า แทรเวลลิง, travelling) เลี้ยงลูกพร้อมกันทั้งสองมือ หรือเลื้ยงลูกแล้วจับลูกแล้วเลี้ยงลูกต่อ (เรียกว่า ดับเบิล-ดริบบลิง, double-dribbling) เวลาเลี้ยงมือของผู้เล่นต้องอยู่ด้านบนของลูก มิฉะนั้นจะนับว่า ถือลูก (carrying) ถ้าทีมพาลูกไปยังแดนของฝ่ายตรงข้ามของสนาม (frontcourt) แล้ว ห้ามนำลูกกลับเข้าแดนตนเอง (backcourt) อีก ห้ามเตะหรือชกลูก ถ้าทำผิดกฎข้อห้ามเหล่านี้จะเสียการครองบอล อีกฝ่ายจะเป็นฝ่ายได้ลูกไปเล่น แต่ถ้าฝ่ายรับทำผิดกฎฝ่ายที่ครองบอลจะได้เริ่มช็อตคล็อกใหม่
ผู้เล่นจะต้องนำลูกจากแดนตัวเองข้ามเข้าแดนตรงข้ามภายในเวลาที่กำหนด (8 วินาทีทั้งในกติกาสากลและเอ็นบีเอ) ต้องชู้ตภายในเวลา 24 วินาที ถือลูกขณะที่ถูกยืนคุมโดยฝ่ายตรงข้ามไม่เกิน 5 วินาที อยู่ในบริเวณใต้แป้นไม่เกิน 3 วินาที กฎเหล่านี้มีไว้เป็นรางวัลแก่การตั้งรับที่ดี
ห้ามผู้เล่นรบกวนห่วง หรือ ลูกขณะเคลื่อนที่คล้อยลงมายังห่วง หรือ ขณะอยู่บนห่วง (ในเอ็นบีเอ ยังรวมกรณีลูกอยู่เหนือห่วงพอดี) การฝ่าฝืนข้อห้ามนี้เรียก โกลเทนดิง (goaltending) ถ้าฝ่ายรับทำผิด จะถือว่าการชู้ตสำเร็จและอีกฝ่ายได้คะแนน แต่ถ้าฝ่ายรุกทำผิด จะไม่คิดคะแนนการชู้ตนี้ และเสียการครองบอล
ฟาล์ว
การเล่นที่กระทบกระทั่งผู้เล่นฝ่ายตรงข้ามให้อีกฝ่ายเสียเปรียบและไม่เป็นธรรม ถือเป็นข้อห้ามที่ถ้าฝ่าฝืนจะนับเป็น ฟาล์ว (foul) ผู้เล่นตั้งรับมักจะเป็นคนทำฟาล์วแต่ผู้เล่นฝ่ายรุกก็สามารถทำฟาล์วได้เช่นเดียวกัน คนที่ถูกฟาล์วจะได้ส่งลูกจากข้างสนาม (inbound) เพื่อเล่นต่อ หรือได้ชู้ตลูกโทษ หรือ ฟรีโทร (free throw) ถ้าการฟาล์วเกิดขึ้นขณะกำลังชู้ตลูก การชู้ตลูกโทษลงห่วงครั้งหนึ่งจะได้หนึ่งคะแนน ผู้เล่นจะได้ชู้ตลูกโทษหนึ่งกี่ครั้งขึ้นกับว่าลูกที่ผู้เล่นชู้ตตอนถูกฟาล์วนั้นได้แต้มหรือไม่ เวลาชู้ตลูกโทษผู้เล่นต้องยืนหลังเส้นลูกโทษซึ่งห่างจากห่วง 4.5 เมตร (15 ฟุต)
การที่จะมีฟาล์วหรือไม่อยู่วิจารณญาณของกรรมการผู้ตัดสิน ว่าผู้เล่นเกิดการได้เปรียบในการเล่นอย่างขาวสะอาดหรือไม่ ทำให้บางครั้งมีความเห็นขัดแย้งกับการเรียกฟาล์วของกรรมการ การกระทบกระทั่งในกีฬาบาสเกตบอลเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ และการเรียกฟาล์วอาจแตกต่างกันในแต่ละเกม ลีก หรือแม้กระทั่งกรรมการตัดสินแต่ละคน
ผู้เล่นหรือโค้ชซึ่งแสดงน้ำใจนักกีฬาที่แย่ เช่น เถียงกับกรรมการ หรือ ชกกับผู้เล่นอื่น อาจโดนเทคนิคัลฟาล์ว หรือ ฟาล์วเทคนิค (technical foul) ซึ่งถูกลงโทษโดยให้อีกทีมได้ชู้ตลูกโทษ (รายละเอียดขึ้นอยู่กับลีก) ถ้าเกิดเหตุการณ์ซ้ำก็อาจถูกไล่ออกจากสนามได้ ฟาล์วที่เกิดจากการเล่นที่รุนแรงเกินไป จะเรียกว่าฟาล์วขาดน้ำใจนักกีฬา หรือ ฟาล์วรุนแรง (unsportsmanlike foul ในสากลหรือ flagrant foul ในเอ็นบีเอ) ก็จะได้รับโทษที่สูงขึ้นกว่าฟาล์วธรรมดา บางครั้งอาจถูกให้ออกจากสนามด้วย
ถ้าทีมทำฟาล์วเกินกว่าที่กำหนด (ในหนึ่งควาเตอร์ หรือ ในครึ่งเกม) ซึ่งก็คือ สี่ครั้งสำหรับกติกาสากลและเอ็นบีเอ ทีมตรงข้ามสามารถชู้ตลูกโทษสำหรับการฟาล์วที่จะเกิดขึ้นในครั้งต่อๆ ไป จากนั้นจนกว่าจะจบช่วง ไม่ว่าการฟาล์วจะเกิดขึ้นขณะกำลังชู้ตลูกหรือไม่ (รายละเอียดขึ้นอยู่กับลีก) ถ้าผู้เล่นฟาล์วรวมห้าครั้งนับเทคนิคัลฟาล์วด้วย (บางลีก รวมถือเอ็นบีเอ ยอมให้ฟาล์วได้หกครั้ง) ผู้เล่นนั้นไม่สามารถเล่นในเกมได้อีก เรียกว่าฟาล์วเอาท์ (foul out)

วันอาทิตย์ที่ 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

นี่ก็เคยเล่นอีก แต่ตอนนี้ไม่ได้เล่น อยากเล่นว่ะ!!!


เทนนิส (อังกฤษ: Tennis) เป็นกีฬาที่เล่นในร่มหรือกลางแจ้งโดยมีผู้เล่น 2 คนในประเภทเดี่ยว และ 4 คนในประเภทคู่ ใช้ไม้เทนนิสตีส่งลูกไปมาเหนือตาข่ายภายในเขตที่กำหนด โดยพยายามไม่ให้คู่ต่อสู้รับลูกได้
เทนนิสเป็นเกมกีฬาชนิดหนึ่งซึ่งใช้ไม้แร็กเก็ต เป็นการแข่งขันระหว่างผู้เล่นสองคน(Singles) หรือระหว่างผู้เล่นสองคู่(Doubles) กีฬาเทนนิสถือกำเนิดในยุโรปช่วงปลายศตวรรษที่19 ช่วงแรกๆนั้นเทนนิสได้แพร่ขยายไปยังกลุ่มประเทศที่ใช้ภาษาอังกฤษ โดยเฉพาะกลุ่มชนชั้นสูง แท้จริงแล้วเทนนิสเป็นกีฬาสากลและเป็นเกมที่เล่นกันเกือบทุกประเทศทั่วโลก ตั้งแต่ปีค.ศ.1926 ซึ่งมีการจัดTournamentครั้งแรก เทนนิสจึงได้กลายเป็นกีฬาอาชีพ เทนนิสได้ถูกบรรจุในกีฬาโอลิมปิก ณ กรุงโซล ปีค.ศ.1988
การแข่งขันจะแบ่งออกเป็นเซต แต่ละเซตแบ่งเป็นเกม แต่ละเกมเริ่มต้นด้วยคะแนน 0 ต่อ 0 การนับคะแนนเริ่มจาก 0-15 หรือ 15-0 โดยขานคะแนนของฝ่ายส่งลูกก่อน ตามด้วย 30 และ 40 ถ้าคะแนนเสมอกัน 40-40 เรียกว่า "ดิวซ์" (deuce) หากใครทำคะแนนสองแต้มติดต่อกันจะเป็นผู้ชนะในเกมนั้น และใครได้ 6 เกมก่อนจะเป็นผู้ชนะในเซต หากเสมอกัน 6-6 เกม ต้องแข่งขันกันในไทเบรก (tie-break) นับแต้ม 1, 2, 3, ... ใครได้ 7 แต้มก่อนเป็นฝ่ายชนะในเซตนั้น
ถ้าเป็นการแข่งขันในทัวนาร์เมนต์ทั่วไปจะแข่งกันเพื่อหาผู้ชนะใน 3 เซต ใครได้ 2 เซตก่อนเป็นฝ่ายชนะ แต่ถ้าเป็นแกรนด์สแลมจะแข่งกันเพื่อหาผู้ชนะใน 5 เซต
ใครได้ 7 แต้มก่อนเป็นฝ่ายชนะในเซตนั้น กรณีที่แต้มเท่ากัน 6-6 หรือ 7-7 ผู้ชนะจะต้องมีแต้มห่างจากคู่แข่งขัน 2 แต้มจึงจะถือว่าจบการแข่งขัน Tie Break เช่น กรณีแต้มเท่ากันที่ 7-7 ผู้ชนะต้องได้คะแนนห่างจากคู่แข่งขัน 2 แต้ม คือต้องได้ 9-7 จึงจะเป็นฝ่ายชนะ
ในประเภทคู๋ ถ้าได้คู่ละเซตแล้ว ต้องตัดสินด้วย Super Tiebreak ใครถึง 10 คะแนนก่อนถือว่าเป็นฝ่ายชนะ

วันเสาร์ที่ 14 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

1 ในกีฬาที่เคยเล่นอีกอ่ะแหละ><




เคยว่ายตอนเด็กๆนะ ไม่ได้อวดด้วย เคยแข่งได้เหรียญทองด้วย ฮ่าๆๆๆๆ (ตอนประม) เป็นนักกีฬาของโรงเรียน

ชักอยากซ้ำไปอยู่โรงเรียนใหม่แล้วสิ จะได้ไปว่ายน้ำ 555+ คุ้มมะ-*-


การว่ายน้ำเป็นกระบวนการในการเคลื่อนที่ในน้ำของมนุษย์หรือสิ่งมีชีวิตอื่น การว่ายน้ำของมนุษย์มีจุดประสงค์หลายอย่าง เช่น นันทนาการ การแข่งขัน การออกกำลังกาย
การว่ายน้ำนั้นมีการแบ่งออกเป็นท่าต่างๆ โดยท่าที่ใช้สำหรับแข่งขันนั้นได้แก่ ท่ากบ ท่ากรรเชียง และท่าผีเสื้อ การแข่งขันอีกประเภทหนึ่งคือการแข่งขันแบบ "ฟรีสไตล์" ซึ่งผู้เข้าแข่งขันสามารถว่ายน้ำแบบใดก็ได้ นักว่ายน้ำส่วนใหญ่เลือกใช้ท่าฟรอนท์ครอล (อังกฤษ: front crawl) ทำให้มักเรียกการว่ายน้ำแบบนี้ว่าฟรีสไตล์ สหพันธ์ว่ายน้ำนานาชาติ (FINA) เป็นจัดการแข่งขันว่ายน้ำ (และกีฬาทางน้ำอื่น) ในระดับนานาชาติ การแข่งขันว่ายน้ำเป็นหนึ่งในการแข่งขันในกีฬาโอลิมปิกฤดูร้อน

วันศุกร์ที่ 13 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

1 ในกีฬาที่ข้าพเจ้าเล่นตั้งแต่เด็กๆ


เท่าที่จำความได้ อิฉันหัดตั้งแต่4ขวบ
แล้วเป็นเหตุการณ์ที่จำได้ดีเลย เพราะข้าพเจ้า ตีไม้กอล์ฟไปฟาดโดนคางคนอื่น เย็บหลายเข็ม ตอนข้าพเจ้าอยู่เพียงป.1เท่านั้น - -*
แต่เดี๋ยวนี้ไม่ได้เล่นและ

เทคนิคการเล่นกอล์ฟ
มีอยู่สองวิธีด้วยกันที่จะทำให้ลูกกอล์ฟตกและหยุดอย่างรวดเร็ว วิธีที่หนึ่งคือ ใส่แบ็คสปินมากๆ หรือ วิธีที่สองคือการบังคับวิถีโคจรของลูกให้สูงโด่งแต่นุ่มนวลซึ่งเมื่อตกถึงพื้นแล้วก็จะหยุดเกือบทันที และเนื่องจากนักกอล์ฟส่วนใหญ่จะมีปัญหาการใส่แบ็คสปิน ฉะนั้นการบังคับวิถีโคจรของลูกจึงเป็นวิธีที่ง่ายกว่าช็อตที่ต้องใช้การบังคับลูกที่แม่นยำได้แก่ ช็อตจากรัฟข้างกรีนซึ่งหน้าไม้กอล์ฟมักจะตัดผ่านหญ้าก่อนที่จะกระทบกับลูกกอล์ฟทำให้สปินได้น้อยลง นักกอล์ฟฝีมือดีก็จะสามารถปรับมุมของหน้าไม้กอล์ฟให้ลึกลงในเวลาที่กระทบกับลูกเพื่อลดการเสียดสีจากหญ้าและเป็นการเพิ่มสปินให้กับลูกอีกด้วย แต่นักกอล์ฟส่วนใหญ่ที่พยายามจะใช้วิธีนี้ก็มักจะลงเอยด้วยการตีท็อปลูกเฉยเลยฉะนั้น...หากครั้งต่อไปท่านนักกอล์ฟต้องพิทช์ไปยังพินในระยะกระชั้น ซึ่งท่านจำเป็นต้องให้ลูกกอล์ฟตกและหยุดทันทีเหมือนเวลาตกในหลุมทราย ท่านจะต้องตีลูกให้โด่งเพื่อที่จะบังคับให้ลูกตกอย่างนุ่มนวลตามขั้นตอนต่อไปนี้...ตั้งองศาหน้าไม้ให้เหมาะสม ท่านนักกอล์ฟทราบหรือไม่ว่าเมื่อตีออกจากรัฟมีหญ้ามากน้อยแค่ไหนที่อยู่ระหว่างหน้าไม้กอล์ฟกับลูก ท่านจะต้องแครี่ลูกไปไกลแค่ไหน หญ้านั้นแข็งหรือนิ่ม องค์ประกอบเหล่านี้จะเป็นกำหนดองศาหน้าไม้ที่ท่านต้องการ ให้ลองนึกภาพจุดตกที่ท่านต้องการรวมทั้งความสูงของช็อตด้วย เสร็จเรียบร้อยก็ให้ตั้งองศาหน้าไม้ในจังหวะแอ็ดเดรสอย่างเหมาะสมเพื่อให้วิถีโคจรของลูกที่ต้องการตัวอย่างเช่น ถ้ามีหลุมทรายอยู่หน้าพิน ให้หยิบเว็ดจ์ที่มีองศาหน้าไม้มากที่สุดและเปิดหน้าไม้กว้างจนหน้าไม้กอล์ฟหงายขึ้นฟ้า การปรับองศาหน้าไม้นี้จะช่วยให้เว็ดจ์ขนาด 56-60 องศามีประสิทธิภาพเท่ากับหรือมากกว่าขนาด 80 องศาเลยทีเดียวตีให้ตรงนักกอล์ฟสมัครเล่นส่วนใหญ่มักจะใช้ไม้กอล์ฟที่มีองศาหน้าไม้น้อยกว่าที่ควรแต่จะใช้วิธีเน้นที่จังหวะลงดาวน์สวิงแทน ซึ่งการกระทำดังกล่าวจะทำให้หัวไม้กอล์ฟเคลื่อนผ่านมือทั้งสองข้างก่อนที่จะถึงจังหวะที่ตีออกไป ทำให้ตีแป้กวิธีตีที่ถูกต้องก็คือ หลังจากจัดองศาหน้าไม้ให้เหมาะสมตามที่แนะนำข้างต้นแล้ว จากนั้นก็ตีออกไปด้วยองศาหน้าไม้แบบนั้นเลย ให้นึกภาพเส้นตรงสมมุติในจังหวะที่หน้าไม้กอล์ฟกระทบกับลูกซึ่งลากจากหัวไหล่ซ้ายลงมายังแขนและข้อมือซ้ายหน้าไม้กอล์ฟและลูกกอล์ฟ
พยายามรักษาข้อมือซ้ายให้เฟิร์มองศาหน้าไม้ที่ตั้งไว้อย่างดีในตอนแรกนั้นเพียงพอแล้วที่จะทำให้ลูกลอยโด่ง ยืนเปิดเล็กน้อย ลูกกอล์ฟอยู่ตรงกลางแต่ค่อนมาทางเท้าซ้ายเล็กน้อย ปล่อยน้ำหนักตัวให้อยู่ทางด้านซ้ายมากกว่าด้านขวา ท่านควรจะสวิงออกไปเต็มวง ยิ่งรัฟหนา ท่านยิ่งต้องสวิงให้แรงเพื่อตีลูกให้พ้นออกมา
เทคนิคการพัต/การอ่านไลน์ ( รู้ทันกรีน มีชัยไปกว่าครึ่ง )การพัตนั้นเป็นส่วนสำคัญของการเล่นกอล์ฟ ในการแข่งขันในระดับนักกอล์ฟอาชีพนั้น การพัตเป็นช็อตที่บ่งชี้ว่าใครที่จะเป็นผู้ชนะ สโตรคเฉลี่ยของนักกอล์ฟอาชีพนั้นอยู่ที่ 1 พัตกว่าๆเท่านั้นเอง แต่สำหรับนักกอล์ฟสมัครเล่นทั่วๆไปนั้นต่อการเล่นกอล์ฟ 18 หลุมนั้นไม่มีสามพัตก็มีความสุขแล้วทำอย่างไร ที่ไม่ให้เกิดสามพัตในการเล่นกอล์ฟของเราก็ต้องฝึกฝนและมีความรู้ในการอ่านกรีนประกอบด้วยดังนี้การพัต มีองค์ประกอบสำคัญ 2 ส่วน คือ1.การสโตรคลูก พื้นฐานการสโตรคลูกที่ดีนั้นลูกจะต้องกลิ้งออกจากหน้าไม้อย่างราบเรียบนุ่มนวล ไม่มีการกระโดด และตรงไปตามแนวเป้าหมายโดยที่ไม่หมุนออกจากแนวเป้าหมายครับ ปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับการสโตรคลูกมีอีกสองประการ คือ1.1 ทิศทาง หมายถึง การเล็งเป้าหมายครับ การเล็งเป้าหมายควรจะเป็นลักษณะ สแควร์ หมายถึงการจัดหน้าไม้และร่างกายให้ขนานกับแนวเป้าหมาย เมื่อสโตรคลูกออกไปแล้ว ลูกจะต้องวิ่งออกไปทางเป้าหมายเสมอ1.2 ระยะทาง หมายถึง การให้น้ำหนักของลูกที่กลิ้งออกจากหน้าไม้ไปยังเป้าหมาย ความหมายของการให้น้ำหนักจะมาจากการที่สายตามีความสัมพันธ์กับมือ2. พัตไลน์ คือ เรื่องของการอ่านทางวิ่งของลูกบนกรีน ถ้าอ่านทางวิ่งได้ดีลูกก็จะวิ่งเข้าเป้าหมายได้มากที่สุดในทางตรงกันข้ามถ้าอ่านผิด ลูกก็จะวิ่งหนีเป้าหมายออกไป ปัจจัยของทางวิ่งของลูกบนกรีนนั้นจะประกอบไปด้วยสองปัจจัยก็คือ2.1 การอ่านสโลป การอ่านสโลปหมายถึงการอ่านความเอียงของพื้นผิวกรีน ซึ่งจะมีความเอียงหลักๆอยู่สี่ทาง2.1.1 ทางขึ้นเนิน หมาย ถึงลูกจะกลิ้งได้ระยะทางน้อยกว่าพื้นเรียบ เมื่อน้ำหนักเท่ากัน2.1.2 ทางลงเนิน หมายถึงลูกจะกลิ้งได้ระยะทางมากกว่าพื้นเรียบ เมื่อน้ำหนักเท่ากัน2.1.3 สโลปเอียงขวา หมายถึงลูกจะกลิ้งไปซ้าย มากเท่าไรขึ้นอยู่กับความชันของสโลป2.1.4 สโลปเอียงซ้าย หมายถึงลูกจะกลิ้งไปทางขวา มากเท่าไหร่ขึ้นอยู่กับความชันของสโลป2.2 การอ่านทิศทางของแนวใบหญ้าบนผิวกรีน ก็มีอยู่ด้วยกันห้าทิศทาง2.2.1 แนวย้อนหญ้า หมายถึง แนวยอดหญ้าแทงเข้าหาตัวเรา เมื่อเรายืนหลังลูกและหันหน้าไปยังหลุมจะมีผลให้ลูกกลิ้งช้าลงแต่มีผลน้อยกว่าสโลปขึ้นเนิน2.2.2 ตามแนวหญ้า หมายถึง แนวยอดหญ้าแทงเข้าหาหลุมเมื่อเรายืนหลังลูกและหันหน้าไปยังหลุม จะมีผลทำให้ลูกกลิ้งเร็วขึ้น แต่มีผลน้อยกว่าสโลปลงเนิน2.2.3 ยอดหญ้าแทงไปทางขวาของหลุม เมื่อเรายืนหลังลูกและหันหน้าไปยังหลุม จะมีผลทำให้ลูกกลิ้งไปทางขวาเล็กน้อย แต่มีผลน้อยกว่าสโลปเอียงซ้าย2.2.4 ยอดหญ้าแทงไปทางซ้ายของหลุม เมื่อเรายืนหลังลูกและหันหน้าไปยังหลุมจะผลทำให้ลูกกลิ้งไปทางซ้ายเล็กน้อย แต่มีผลน้อยกว่าสโลปเอียงขวา2.2.5 แนวยอดหญ้าไม่เป็นระเบียบ จะมีผลต่อการกลิ้งของลูกไม่มากให้เล็งลูกไปตามแนวเป้าหมายเหมือนเดิมในกรณีที่เล่นในสนามที่เป็นภูเขาการอ่านสโลปบนกรีนนั้นจะต้องดูสภาพแวดล้อมของภูมิประเทศเป็นหลักด้วยครับอย่างเช่นในกรณีที่ด้านใดด้านหนึ่งของกรีนเป็นภูเขาด้านนั้นจะเป็นสโลปขึ้นเนินถึงแม้ว่าเราจะไปยืนบนกรีนแล้วจะมองจากลูกไปยังหลุมเป็นทางลงก็ตามเมื่อเราเรียนรู้เรื่องของการพัตแล้วที่เหลือจะเป็นประสบการณ์ในการที่เราจะนำความรู้ทั้งหมดมาประยุกต์ให้เข้ากันเพื่อให้ลูกวิ่งเข้าเป้าหมายมากที่สุดวิธีการที่ดีที่สุดก็คือการทำซ้ำๆนั้นเองเวลาที่ไปเล่นกอล์ฟก็ลองสังเกตกรีนและลองเดาทางวิ่งของลูกดูและสอบถามกับแค้ดดี้ของท่านดูว่าตรงกันหรือไม่แล้วลองชั่งใจดูว่าจะเชื่อแค้ดดี้หรือตัวเองถ้าได้ทำอย่างนี้ซ้ำๆ รับรองว่าท่านจะพัตได้ใกล้เคียงขึ้นแน่นอน และจะลดอาการสามพัตลงอย่างเห็นได้ชัดเลย ทำให้เล่นอย่างมีความสุข วันนี้ขอให้ท่านได้เบอร์ดี้มากๆครับ

วันพฤหัสบดีที่ 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

เจ๊อะ เจอมา รับรอง อึ้งแน่!!!!



555+ ผุ้ญ คงไม่สนใจอ่ะนะ
กีฬาไทยๆเชียวนะ ข้าพเจ้าเองก็อยากลองดูซักตั้ง โฮกกก!!!!
ตะกร้อ เป็นการละเล่นของไทยมาแต่โบราณ แต่ไม่มีหลักฐานแน่นอนว่ามีมาตั้งแต่สมัยใด แต่คาดว่าราว ๆ ต้นกรุงรัตนโกสินทร์ ประเทศอื่นที่ใกล้เคียงก็มีการเล่นตะกร้อ คนเล่นไม่จำกัดจำนวน เล่นเป็นหมู่หรือเดี่ยวก็ได้ ตามลานที่กว้างพอสมควร ตะกร้อที่ใช้เดิมใช่หวายถักเป็นลูกตะกร้อ ปัจจุบัน นิยมใช้ลูกตะกร้อพลาสติก
การเตะตะกร้อเป็นการเล่นที่ผู้เล่นได้ออกกำลังกายทุกสัดส่วน ฝึกความว่องไว ความสังเกต มีไหวพริบ ทำให้มีบุคลิกภาพดี มีความสง่างาม และการเล่นตะกร้อนับได้ว่าเป็นเอกลักษณ์ของไทยอย่างหนึ่ง
ประวัติ
ในการค้นคว้าหลักฐานเกี่ยวกับแหล่งกำเนิดการเล่นกีฬาตะกร้อในอดีตนั้น ยังไม่สามารถหาข้อสรุปได้อย่างชัดเจนว่าตะกร้อนั้นกำเนิดจากที่ใด จากการสันนิษฐานคงจะได้หลายเหตุผลดังนี้
พม่า เมื่อประมาณพ.ศ. 2310 พม่ามาตั้งค่ายอยู่ที่โพธิ์สามต้น ก็เลยเล่นตะกร้อ ซึ่งพม่าเรียกว่า "ชิงลง"
ทางมาเลเซียก็ประกาศว่า ตะกร้อเป็นกีฬาของประเทศมาลายูเดิมเรียกว่า ซีปักรากา (Sepak Raga) คำว่า Raga หมายถึง ตะกร้า
ทางฟิลิปปินส์ ก็นิยมเล่นกันมานานแล้วแต่เรียกว่า Sipak
ทางประเทศจีนก็มีนักกีฬาที่คล้ายกีฬาตะกร้อแต่เป็นการเตะตะกร้อชนิดที่ลูกเป็นหนังปักขนไก่ ซึ่งจะศึกษาจากภาพเขียนและพงศาวดานชาวจีน
ทางประเทศเกาหลีก็มีลักษณะคล้ายคลึงกับของจีนแต่ลักษณะของลูกตะกร้อจะแตกต่างไป คือ ใช้ดินเหนียวห่อด้วยผ้าสำลีเอาหางไก่ฟ้าปัก
ประเทศไทยก็นิยมเล่นกีฬตะกร้อมายาวนาน และ ประยุกต์จนเข้ากับประเพณีของชนชาติไทยอย่างกลมกลืนและสวยงามทั้งด้านทักษะและความคิด
การเล่นตะกร้อมีวิวัฒนาการอย่างต่อเนื่องมาตามลำดับทั้งด้านรูปแบบและวัตถุดิบในการทำจากสมัยแรกเป็นผ้า,หนังสัตว์,หวาย,จนถึงประเภทสารสังเคราะห์ (พลาสติก)
ลักษณะการเล่น
การเล่นตะกร้อสามารถเล่นได้หลายแบบ ดังนี้
การเล่นเป็นทีม ผู้เล่นจะล้อมเป็นวง ผู้เริ่มต้นจะใช้เท้าเตะลูกตะกร้อไปให้อีกผู้หนึ่งรับ ผู้รับจะต้องมีความว่องไวในการใช้เท้ารับและเตะส่งไปยังอีกผู้หนึ่ง จึงเรียกวิธีเล่นนี้ว่า "เตะตะกร้อ" ความสนุกอยู่ที่การหลอกล่อที่จะเตะไปยังผู้ใด ถ้าผู้เตะทั้งวงมีความสามารถเสมอกัน จะโยนและรับไม่ให้ตะกร้อถึงพื้นได้เป็นเวลานานมาก กล่าวกันว่าทั้งวันหรือทั้งคืนก็ยังมี แต่ผู้เล่นยังไม่ชำนาญก็โยนรับได้ไม่กี่ครั้ง ลูกตะกร้อก็ตกถึงพื้น
การติดตะกร้อ (เล่นเดี่ยว) การเล่นตะกร้อที่มีชื่อเสียงมากของไทยคือ การติดตะกร้อ เป็นศิลปะการเล่นตะกร้อ คือ เตะตะกร้อให้ไปติดอยู่ที่ส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกาย และต้องถ่วงน้ำหนักให้อยู่นาน แล้วใช้อวัยวะส่วนนั้นส่งไปยังส่วนอื่น โดยไม่ให้ตกถึงพื้น เช่น การติดตะกร้อที่หลังมือ ข้อศอก หน้าผาก จมูก เป็นต้น นับว่าเป็นศิลปที่น่าชม ผู้เล่นต้องฝึกฝนอย่างมาก
ตะกร้อติดบ่วง การเตะตะกร้อติดบ่วง ใช้บ่วงกลมๆแขวนไว้ให้สูงสุด แต่ผู้เล่นจะสามารถเตะให้ลอดบ่วงไปยังผู้อื่นได้ กล่าวกันว่าบ่วงที่เล่นเคยสูงสุดถึง 7 เมตร และยิ่งเข้าบ่วงจำนวนมากเท่าไรยิ่งแสดงถึงความสามารถ
ท่าเตะ
ท่าเตะตะกร้อมีหลายท่าที่แสดงให้เห็นถึงความงดงามและความว่องไว ตามปกติจะใช้หลังเท้า แต่นักเล่นตะกร้อจะมีวิธีเตะที่พลิกแพลง ใช้หน้าเท้า เข่า ไขว้ขา (เรียกว่าลูกไขว้) ไขว้ขาหน้า ไขว้ขาหลัง ศอก ข้อสำคัญ คือ ความเหนียวแน่นที่ต้องรับลูกให้ได้เป็นอย่างดีเมื่อลูกมาถึงตัว ผู้เล่นมักฝึกการเตะตะกร้อด้วยท่าต่าง ๆ ลีลาในการเตะตะกร้อมี 4 แบบ คือ การเตะเหนียวแน่น (การรับให้ได้อย่างดี) การเตะแม่นคู่ (การโต้ตรงคู่) การเตะดูงามตา (ท่าเตะสวย มีสง่า) การเตะท่ามาก (เตะได้หลายท่า)

วันพุธที่ 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

มีไรมาฝาก!!!!


ดูสิ อยากเล่นนะเนี่ย พอดีไปเจอในเวบมา^^
ข้อมูลคร่าวๆ
วิธีเล่น"ไอซ์ สเก็ต" หรือสเก็ตน้ำแข็ง เป็นกีฬาที่ต้องฝึกถึงจะเป็น ถึงแม้ว่าจะต้องล้มลุกคลุกคลานบ้าง แต่มันก็สนุกดี ไม่ว่าจะเป็นการหัดสเก็ต การหยุด และการสเก็ตถอยหลัง และยิ่งถ้าได้คนที่เก่งๆ มาสอน ก็ยิ่งเป็นเร็วขึ้น ประโยชน์ที่ได้รับช่วยเสริมสร้างความอดทนให้กับร่างกาย ดีต่อสุขภาพของคุณ และยังช่วยทำให้กล้ามเนื้อบริเวณท้อง ต้นขา น่อง ช่วงเข่า และเอ็นร้อยหวาย แข็งแรงขึ้น นอกจากนั้น การเล่นสเก็ตน้ำแข็ง ยังช่วยพัฒนาทักษะในการทรงตัว และเพิ่มความสามารถในการใช้งานอวัยวะต่างๆ ในร่างกายได้อย่างสัมพันธ์กันดีขึ้น อีกด้วยการวอร์มอัพ และการผ่อนคลายก่อนที่คุณจะเริ่มเล่นสเก็ตน้ำแข็ง ควรอบอุ่นร่างกายด้วยการเดินไปรอบๆ สัก 10 นาที เพื่ออบอุ่นกล้ามเนื้อ และเพิ่มจังหวะการเต้นของหัวใจ สังเกตได้จากการที่มีเหงื่อออกมาซึมๆ และเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดอาการบาดเจ็บในขณะเล่น ควรบริหารกล้ามเนื้อหลักๆ ให้ยืดหยุ่นและพร้อมสำหรับการออกกำลังด้วย และอย่าลืม ทำการผ่อนคลายกล้ามเนื้อและจังหวะการเต้นของหัวใจให้เข้าสู่ปกติทุกครั้ง ก่อนที่จะเลิกเล่น อาจจะสเก็ตช้าๆ หรือเดินกลับบ้านก็ได้ อุปกรณ์ที่จำเป็นรองเท้าสเก็ต (Skates) : ถ้าคุณยังไม่มีรองเท้าสเก็ตเป็นของตัวเอง ก็ไม่เป็นไร เพราะโรงสเก็ตทุกที่ จะมีอุปกรณ์ต่างๆ ให้เช่าด้วยเสมอ เครื่องแต่งกาย: ควรเลือกเสื้อผ้าที่มีสีสันสดๆ ตัดกันเป็นแถบๆ ที่เข้ากับสีผิวของคุณ ควรเลือกที่ทำด้วยผ้าใยสังเคราะห์หรือผ้าขนสัตว์ เพราะจะทำให้คุณอบอุ่นได้ แม้ว่าจะเปียกชื้นถุงมือ: เลือกแบบที่กันน้ำได้ เพื่อทำให้มือของคุณอุ่นในขณะเล่นสนับเข่า สนับข้อศอก สายรัดข้อมือ: เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับผู้ที่เพิ่งเริ่มหัดเล่น เพื่อใช้ป้องกันไม่ให้ได้รับบาดเจ็บจากการล้ม

วันอังคารที่ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

Welcome to my blog!!!!

This is the first day that I have my own blog.Next I would like to introduce my blog. Normally, I plan to mention about sport.Maybe, it's some kind of sharing idea in each kind of sport.Otherwise, I gonna share some features in sport or to persuade you all to like the sport that I like